Last updated: 17 พ.ค. 2567 | 582 จำนวนผู้เข้าชม |
ตดแบบไหน บอกอะไรเราบ้าง
อะไรเอ่ยหนึ่งคนรู้ สองคนรู้ สามคนไม่รู้ ? ติ้กต่อกๆๆ….
สิ่งนั้นก็คือ… ตด นั่นเอง!!
ใครจะไปคิดล่ะคะว่าจากอาหารที่มีกลิ่นหอมหวนชวนอร่อยที่เรากินเข้าไปทางปากนั้น จะกลายมาเป็นกลิ่นเหม็นที่สุดเเสนจะขมคอออกมาทางตูด ซึ่งสร้างความอับอายให้เรา ถึงแม้ว่า “ตด หรือ การผายลม” จะสร้างความไม่มั่นใจให้เราเมื่ออยู่กับคนอื่นหรือที่สาธารณะ แต่ตดนั้นก็มีประโยชน์ต่อตัวเราเองนะคะ เพราะมันสามารถบ่งบอกได้ถึงปัญหาสุขภาพล้ำไส้ของเราได้อย่างเป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ
ทำไมคนเราถึงตด?
การที่เราตดนั้นเป็นกระบวนการปกติของร่างกาย เกิดขึ้นจากการระบายลมในลำไส้ ซึ่งเป็นผลมาจากการกลืนลมเวลาที่เรากลืนอาหารกลืนน้ำลาย หรือการระบายแก๊สที่เกิดจากการย่อยอาหาร ผู้ที่ผายลมบ่อยๆอาจเกิดจากแก๊สสะสมในกระบวนการย่อยอาหารที่มีแก๊สมาก โดยการกินอาหารที่มีแก๊สมาก เช่น เครื่องดื่มน้ำอัดลม พืชตระกูลถั่ว หรืออาหารพวกแป้งที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง รวมถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ทำให้เกิดการสะสมแก๊สจนเราเผลอตดออกมาบ่อยๆ เช่น การหายใจ เคี้ยวหมากฝรั่ง อมลูกอม ใช้หลอดดื่มน้ำ สูบบุหรี่ หรือแม้แต่การกินอาหารที่เร็วเกินไป
แล้วตดจะบอกอะไรกับเราได้บ้าง?
ความมหัศจรรย์ของร่างกายเรานั้นมีอยู่ในทุกๆที่ โดยมันสอดประสานกันอย่างเป็นระบบ ขนาดที่ “ลมตด” ยังสามารถสามารถบ่งบอกสุขภาพภายในของสำไส้ได้ด้วยนะ งั้นมาลองมาเช็กดูว่าคุณตดแบบไหนกันบ้าง?
ความถี่ของตด
โดยธรรมชาติคนเราจะตดเฉลี่ยวันละ 10-20 ครั้ง อาจจะดูเหมือนมันมากเกินไป แต่เราตดแบบนั้นจริงๆ เพราะลุงนับดูแล้วแค่ตอนอึก็ลั่นไปแล้ว 4 ครั้งได้ (555) เพราะฉะนั้นถ้าตดมากกว่าหรือน้อยกว่านี้แสดงว่าร่างกายของเรากำลังผิดปกติ ควรปรับการกินอาหารและไปพบแพทย์เพื่อป้องกันการท้องอืด หรือปัญหาที่ตามมา งั้นมาลองเช็กระดับความถี่กับตดของคุณกันดูสิ!
1. ตดน้อย ตดน้อยกว่า 10 ครั้งต่อวัน เสี่ยงโรคลำไส้อุดตัน
2. ตดปกติ ตด 10-20 ครั้งต่อวัน ถือว่าปกติ
3. ตดมาก ตดมากกว่า 20 ครั้งต่อวัน เสี่ยงโรคทางเดินอาหาร
เสียงของตด
เสียงของตดเกิดจากการเกร็งของกล้ามเนื้อหูรูดและความดันในลำไส้ใหญ่ ถ้ากล้ามเนื้อหูรูดไม่ค่อยกระชับและความดันภายในลำไส้ใหญ่มีน้อย ตดก็จะเบา แต่ถ้ากล้ามเนื้อหูรูดบีบตัวแน่นและแรงดันภายในลำไส้ใหญ่สูง (การเบ่ง) ตดก็จะมีเสียงที่ดังกังวาล
- ตดไร้เสียง เกิดจากกล้ามเนื้อหูรูดไม่กระชับทำให้บีบตัวได้น้อย แรงดันในลำไส้จึงมีไม่มากบอกเลยว่าเห็นเสียงเงียบๆ ฟาดเรียบนะจ้ะ
- ตดมีเสียง เกิดจากกล้ามเนื้อหูรูดบีบตัวมาก แรงดันในลำไส้จึงมีมาก ตดแบบนี้เป็นพวกดีแต่เสียงมักไม่ค่อยมีกลิ่น
กลิ่นของตด
กลิ่นของตดเกิดจากแก๊สที่มีกลิ่นจากการหมักหมมของอาหารในลำไส้ ถึงแม้ว่าในตดมีแก๊สที่มีกลิ่นเพียง 1-2% เท่านั้นแต่มันก็เพียงพอที่จะสร้างกลิ่นที่สยองออกมาได้ ดังนั้นกลิ่นตดจะแรงไม่แรงนั้นจึงขึ้นอยู่กับอาหารที่เรากินเข้าไป โดยเฉพาะถ้าหากเรากินอาหารจำพวกโปรตีนสูงพวกเนื้อสัตว์ ไข่ หรือพืชตระกูลถั่ว และผักที่มีเส้นใยสูงและมีกลิ่นที่แรงเช่น คะน้า กะหล่ำปลี ก็ทำให้เราตดเหม็นได้ แล้วตดของคุณมีกลิ่นแบบไหนลองมาเช็กดูกัน!
1. ไร้กลิ่น เกิดได้จากทานโปรตีนน้อย
2. มีกลิ่น เกิดจากการทานอาหารที่มีโปรตีนหรือผักที่มีกลิ่นแรง
3. มีกลิ่นแรง มากผิดปกติอาจเกิดจากลำไส้มีการติดเชื้อแบคทีเรีย ลำไส้ที่มีอุจจาระค้างอยู่นานหรือลำไส้อุดตัน
ปัจจัยที่ส่งผลให้ตดเหม็น
1. กินอาหารที่มีซัลเฟอร์สูง
คนที่กินโปรตีนเยอะ ๆ เมื่อผ่านกระบวนการย่อยก็อาจจะทำให้เกิดไฮโดรเจนซัลไฟด์มากขึ้น ซึ่งสารตัวนี้ก็เพิ่มระดับความเหม็นได้ และคนที่กินเครื่องเทศบางชนิดหรืออาหารที่มีซัลเฟอร์หรือกำมะถันสูง เช่น ถั่ว กระเทียม หัวหอม นม เนยแข็ง บรอกโคลี ผักตระกูลกะหล่ำ หน่อไม้ฝรั่ง ไข่ หรืองา ก็จะทำให้ตดมีกลิ่นเหม็นมากขึ้นได้เช่นกัน
2. รับประทานอาหารที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้
เช่น แลคโตสในนมวัว กลูเตน รวมไปถึงสารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล เช่น ซอร์บิทอล หรือไซลิทอล ที่ร่างกายของบางคนย่อยไม่ได้ ทำให้แบคทีเรียในลำไส้เพิ่มจำนวนเพื่อมาช่วยย่อยสารอาหารเหล่านี้ ซึ่งการมีแบคทีเรียบางชนิดในลำไส้มากกว่าปกติ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ตดมีกลิ่นเหม็นมากกว่าเดิม
3. ท้องผูก
อาการท้องผูกหมายถึงว่าเราไม่ได้ขับถ่ายของเสียออกมา ซึ่งตรงนี้แหละค่ะที่ทำให้เกิดแบคทีเรียในลำไส้มากขึ้น และทำให้ตดมีกลิ่นเหม็นตุ ๆ กว่าปกติได้ และอาจจะรู้สึกว่ามีอาการมวนท้องร่วมด้วย
4. การรับประทานยาบางชนิด
ยาบางชนิดก็มีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดอาการท้องอืด หรือท้องผูก และทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียในลำไส้ ก่อกลิ่นตดเหม็น ๆ ได้เช่นกัน
ทั้งนี้การผายลมที่มีเสียง เกิดจากการควบคุมลมในลำไส้ใหญ่ผ่านกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนัก ถ้าลมในลำใส้มีมากจะทำให้ผายลมเสียงดังได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ สุดท้ายก็แล้วแต่ระบบภายในของแต่ละคน เพราะอาหารและพฤติกรรมที่เหมือนกันอาจจะส่งผลที่ต่างกันได้ บางคนเกิดแก๊สมาก บางคนเกิดแก๊สน้อย ทางที่ดีที่สุดคือควรตดอย่างสุภาพ ไม่ควรตดให้ใครดมในทีสาธารณะหรือมีคนเยอะๆเพราะกลิ่นตดไม่ใช่เรื่องตลกนั่นเอง
แม้ตดจะเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน แต่ขอแนะนำว่า ก่อนจะ ตด ควรเลือกสถานที่และเวลาด้วย เพื่อตดของเราจะได้ไม่ไปรบกวนหรือเป็นที่รำคาญของคนอื่น
ปรับสมดุลลำไส้ให้กลิ่นตดไม่เเรงมากจนผิดปกติ โดยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่มีกากใยสูง รวมถึงหาตัวช่วยดีๆในการดูแลลำไส้ เช่นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีโพรไบโอติก อย่าง BioSyn ซึ่งมีส่วนช่วยในการปรับสมดุลลำไส้ให้เป็นปกติ เมื่อลำไส้ทำงานปกติก็เป็นผลดีลดปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ เเละจะไม่เป็นปัญหากับคนรอบข้าง สุขภาพดีเริ่มต้นที่ลำไส้ เริ่มต้นกับ BioSyn
รับคำแนะนำด้านสุขภาพ และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ
Inbox : m.me/BioSynThailand
Line : https://line.me/R/ti/p/@283kqubv
Youtube : https://bit.ly/3Fyj83C
เรียบเรียง : BioSyn Thailand
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://shorturl.asia/ztBvp
https://shorturl.asia/ztBvp
https://shorturl.asia/1tjuH
https://bit.ly/2DEK3rJ
https://bit.ly/2JbQ2KW
https://bit.ly/2vLtND1
12 ก.ย. 2567
4 ก.ย. 2567
12 ก.ย. 2567